ข้าว (Oryza
sativa : Rice)
เป็นพืชตระกูลหญ้าที่ถือเป็นอาหารหลักของคนไทย การผลิตข้าวให้ได้คุณภาพ โดยเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนอย่างยั่งยืน ควรมีการจัดการการผลิตอย่างเป็นระบบตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ก่อนปลูก การเลือกช่วงเวลาในการปลูกการให้น้ำ ใส่ปุ๋ย รวมไปถึงการติดตามปัญหาศัตรูพืช (วัชพืชแมลงศัตรูพืช และโรคพืช)
เป็นพืชตระกูลหญ้าที่ถือเป็นอาหารหลักของคนไทย การผลิตข้าวให้ได้คุณภาพ โดยเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนอย่างยั่งยืน ควรมีการจัดการการผลิตอย่างเป็นระบบตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ก่อนปลูก การเลือกช่วงเวลาในการปลูกการให้น้ำ ใส่ปุ๋ย รวมไปถึงการติดตามปัญหาศัตรูพืช (วัชพืชแมลงศัตรูพืช และโรคพืช)
หลักการปลูกข้าวแบบลดต้นทุน
1.การเลือกเมล็ดพันธุ์ ใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดีในอัตรา 20
- 25 กิโลกรัม/ไร่ (สามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึง 15%)
2.การเตรียมดิน เริ่มจากการไถกลบฟางแล้วระบายน้ำเข้าเพื่อหมักฟางแล้วปรับหน้าดิน (สามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและข้าวในแปลงงอกอย่างเสมอ)
3.การใช้ปุ๋ยเคมี เลือกชนิดปุ๋ยสำหรับนาข้าวโดยเฉพาะที่ระบุให้ใช้กับดินเหนียวหรือดินทราย เช่น ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตร 16-8-8 ที่ระบุสำหรับนาข้าวดินทราย
4.อัตราการใส่ปุ๋ย เฉลี่ยที่ 30
- 40 กิโลกรัม/ไร่ (ลดต้นทุนได้ 20 - 25%)
5.ระยะเวลาในการใส่ปุ๋ยแบ่ง 2 เป็นระยะ
ระยะที่ 1 ใส่สารปรับสภาพดินแทนปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพื่อลดการเกิดโรคและแมลง
ระยะที่ 2 ใสาสารปรับสภาพดินร่วมกับปุ๋ยเคมีช่วงข้าวแตกกอเพื่อเร่งการออกรวงและบำรุงต้น
ใส่ปุ๋ยเคมีช่วงข้าวตั้งท้องเพื่อบำรุงรวงให้แข็งแรงได้ผลผลิตสูงและเมล็ดเต็ม
(การใส่สารปรับสภาพดินร่วมกับปุ๋ยเคมีสามารถลดต้นทุนได้ถึง 30% และได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 15%
แถมยังได้ปรับสภาพดินให้มีคุณภาพและรักษาหน้าดินให้อุดมสมบูรณ์สำหรับการปลูกค้าในครั้งต่อไป)
6.การเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเก็บเกี่ยวนับจากวันออกดอกไปไม่น้อยกว่า 25
- 30 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด
เพราะเป็นช่วงที่ข้าวมีเมล็ดเต็มและมีน้ำหนักที่ดีที่สุดและลดการร่วงของเมล็ด (การเก็บเกี่ยวช่วงนี้จะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 50 - 70%)
การใส่ปุ๋ยข้าว อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณของผลผลิต ควรพิจารณาถึงปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบ เช่น ระดับน้ำในนา
การปรับระดับหน้าดิน การกำจัดวัชพืช ศัตรูพืชต่างๆ
การจัดการนาข้าวก่อนการปลูก
สามารถรองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือสารปรับสภาพดินสูตรต่างๆ
เพื่อสำรองธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญของข้าว จากนั้นปั่นตีดินพร้อมทำเทือก เพื่อปรับโครงสร้างดินและทำการหว่านเมล็ด เมื่อพืชอายุ 4-8 วัน พ่นสารเคมีควบคุมวัชพืชบิวทาคลอร์
45% สารออกฤทธิ์
เพื่อควบคุมวัชพืชก่อนงอก แล้วให้ปล่อยน้ำเข้าแปลงหลังจากปลูก 7 วัน เพื่อให้น้ำกับต้นข้าวไปพร้อมๆกับลดปริมาณการงอกของวัชพืช
เตรียมดิน ด้วยปุ๋ยอินทรีย์หรือสารปรับสภาพดิน เพื่อเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้ดิน
และช่วยเตรียมความพร้อมให้ดิน ก่อนการปลูกพืช
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 ในช่วงระยะกล้าถึงแตกกอให้ใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเพิ่มธาตุอาหารโดยเฉพาะในโตรเจน
เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตให้สมบูรณ์ อาจใช้ปุ๋ยสูตร เช่น 18-4-5 หรือสูตรที่เน้นธาตุอาหารไนโตรเจน
ซึ่งจะต้องไม่มากไปเพราะนอกจากจะเกิดการสูญเสียปุ๋ยไนโตรเจนไปกับอากาศและน้ำแล้ว
ยังช่วยลดการเจริญอย่างรวดเร็วมากเกินไป จนทำให้ต้นยืดยาวและเปราะอีกด้วย ทำให้ต้นอ่อนแอหักล้มง่าย
และง่ายต่อการเข้าทำลายของโรคและแมลงศัตรูพืช
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 หลังจากข้าวแตกกอจนเริ่มตั้งท้อง ควรใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงและมีธาตุฟอสฟอรัสและ
โพแทสเซียมในปริมาณปานกลางด้วย เช่น สูตร 16-8-8, 25-7-7 หรือ 15-7-18 เป็นต้น
เพราะในระยะนี้ข้าวต้องการไนโตรเจนในการสังเคราะห์แสง
และต้องการฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ในการสะสมอาหารเตรียมออกรวง
และสร้างเมล็ดที่สมบูรณ์และได้น้ำหนัก
Trick
เลือกชนิดปุ๋ยและอัตราปุ๋ยที่ใส่ให้เหมาะกับพันธุ์ข้าวและชนิดของดิน
และใส่ตรงตามระยะเวลาที่ข้าวต้องการและปิดกั้นนาที่ล้อมรอบแปลงที่จะใส่ปุ๋ยให้เรียบร้อย
ไม่ให้มีการไหลออกของน้ำในช่วงใส่ปุ๋ยเคมี จนกว่าจะใส่ปุ๋ยไปแล้ว 3-5 วัน โดยรักษาระดับน้ำในนาข้าวไม่ให้สูงมากนัก
ระดับน้ำประมาณ 5-10
เซนติเมตร หรือประมาณ 1 ฝ่ามือ และควรกำจัดวัชพืชก่อนการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง
เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งปุ๋ยจากต้นข้าว
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ดูข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม : http://www.dtwp.co.th
Facebook : https://www.facebook.com/dtwpgroup/
สอบถามทันทีกด Line : http://line.me/ti/p/%40dtwp
โทร. 091-5769281,02-7498597
Line ID : @dtwp